
เหตุเกิด ณ จว.ร้อยเอ็ด ได้เกิดเหตุฆาตกรรม โดยผู้ก่อเหตุเป็น พ่อสามี ของผู้เสียชีวิต ได้ทำการใช้มีดทำครัว แทงสะใภ้ดับ ต่อหน้าลูก/หลาน หลังผู้ตายไม่ยอมยกให้ไปเลี้ยง พ่อสามี, แทงสะใภ้ดับ – เมื่อเวลา 04.00 น. ของวันที่ 4 มิถุนายน 2564 ร.ต.อ.สุจินดา แดนระเบียบ รองสว.สอบสวน สภ.เมืองร้อยเอ็ด ได้รับแจ้งเหตุพบศพเสียชีวิต ภายในห้องนอนของบ้าน เลขที่ 81 ม.1 ต.ขอนแก่น อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด จึงออกตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครกู้ภัยนครเกต แพทย์เวร รพ.ร้อยเอ็ด
ณ จุดเกิดเหตุ ได้พบศพผู้หญิงจมกองเลือด ในห้องนอนของบ้านที่เกิดเหตุ
จากการชันสูตรเบื้องต้น พบบาดแผลบริเวณลำคอ มีลักษณะเป็นแผลที่เกิดจากของมีคม แทงเข้าไปยังตัวผู้เสียชีวิต อยู่ด้วยกันจำนวน 3 แผล ปากแผลมีความกว้าง 1-2 ซม. และกว้าง 3 ซม. เป็นสาเหตุให้เกิดการเสียชีวิต
จากการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุเพิ่มเติม ได้พบมีดทำครัวปลายแหลม อยู่ใกล้ตัวผู้ตาย และมีลักษณะเปื้อนเลือด คาดว่าเป็นอาวุธสังหาร และมีผู้อยู่อาศัย ณ ที่เกิดเหตุ 2 คนด้วยกันได้แก่ นายภานุวัฒน์ แซฉั่ว อายุ 62 ปี (พ่อสามีของผู้ตาย) และหลานชายอายุประมาณ 1 ปี (ลูกชายผู้ตาย)
โดยผู้เสียชีวิตนั้นคือ นางสาวธัญญาภัค โสมาสุข อายุ 32 ปี ทางหน่วยกู้ภัยนครสาเกต ได้ทำการนำส่งศพไปยังโรงพยาบาลร้อยเอ็ด เพื่อนำเก็บรักษาสภาพ และรอให้ทางครอบครัวมารับไปดำเนินการพิธีกรรมทางศาสนาต่อไป
จากการสอบสวนแล้วนั้น นายภานุวัฒน์ แซฉั่ว อายุ 62 ปี ได้ให้การสารภาพว่าตนเป็นผู้ลงมือ โดยให้เหตุผลในการกระทำว่าเกิดจากการบันดาลโทสะ ภายหลังจากที่ได้ทะเลาะกับผู้ตาย เนื่องด้วยเหตุผลว่า ตนเองนั้นต้องการขอนำหลานไปเลี้ยงที่ จ.นครราชสีมา แต่ตัวผู้ตายที่เป็นลูกสะใภ้นั้นไม่ยอม และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่ตนได้ทำการขอ
ผู้ต้องหายังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ก่อนหน้าเวลาเกิดเหตุนั้น ตนได้เดินทางมาจาก จ.นครราชสีมา เพื่อมารับหลานไปเลี้ยง ซึ่งได้มีการตกลงกันแล้วก่อนหน้านี้ แต่ตัวผู้ตายนั้นได้มีการปฏิเสธเมื่อตนได้เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ จึงได้เกิดเหตุการณ์ทะเลาะเบาะแว้ง และได้ก่อเหตุ ขณะที่ผู้เสียชีวิตกำลังนอนอยู่ที่ห้องนอน หลังจากก่อเหตุแล้วนั้น ตนได้รอ ณ ที่เกิดเหตุ เพื่อมอบตัวแก่เจ้าหนา้ที่
ซึ่งนายอมร พันโน ผญบ.ม.1 บ.ป่าบาก ได้รับแจ้งจากป้าของผู้ตาย เมื่อเวลา 3.30 น. วันเดียวกัน และได้ประสานงานกับตำรวจในพื้นที่เพื่อดำเนินการตรวจสอบ และสืบสวนต่อไป หลังจากการดำเนินการสืบสวนสอบสวนเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อหาต่อนายนายภานุวัฒน์ แซ่ฉั่ว อายุ 63 ปี ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และได้คุมตัวเพื่อดำเนินการตามกฏหมายต่อไป
สโมสรนิสิตจุฬาฯ ร่อนแถลงการณ์ประณาม นักศึกใหม่นิติจุฬา สร้างกลุ่มกรุ๊ปไลน์คุกคามทางเพศ
ดราม่า #นิติจุฬา สโมสรนิสิตจุฬาฯ ออกจดหมายแถลงการณ์ประณามกลุ่มนักเรียนชายสอบติดนิติศาสตร์ จุฬา สร้างกรุ๊ปไลน์ คุกคามทางเพศ เสนอมหาวิทยาลัยออกมาตรการเข้ม สร้างพื้นที่ปลอดภัย
สโมสรนิสิตจุฬาฯ แถลงการณ์ประณามจากกรณีดราม่าจนเกิดประเด็นผ่าน #นิติจุฬา บนทวิตเตอร์ หลังกลุ่มนักเรียนชายที่สอบติด คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สร้างกรุ๊ปไลน์ซึ่งมีการเผยแพร่รูปภาพของนิสิตหญิงหลายคณะโดยไม่ได้รับการยินยอม รวมถึงส่งข้อความลักษณะเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและเป็นการคุกคามทางเพศ
ก่อนเรื่องจะลุกลามจนเป็นกระแสวิภาควิจารณ์อย่างหนักถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของกลุ่มว่าที่นิสิตชายคณะนิติศาสตร์ดังกล่าว ทำให้ล่าสุด สโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นว่า สโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งประกอบด้วย องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สโมสรนิสิตหรือคณะกรรมการนิสิตทุกคณะในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณะกรรมการนิสิตหอพักจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไม่ยอมรับและขอประณามการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล และเป็นการคุกคามทางเพศทุกรูปแบบ
แถลงการณ์สโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรณีการคุกคามทางเพศที่เกี่ยวข้องกับว่าที่นิสิตใหม่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ตามที่มีกลุ่มว่าที่นิสิตชาย คณะนิติศาสตร์ จํานวนหนึ่งได้สร้างกลุ่มสนทนาบนแอปพลิเคชันสื่อสาร ออนไลน์ ซึ่งมีการเผยแพร่รูปภาพของนิสิตหญิงจํานวนหลายคณะโดยไม่ได้รับการยินยอม รวมถึงส่งข้อความที่ มีลักษณะเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและเป็นการคุกคามทางเพศนั้น
สโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งประกอบด้วยองค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย สภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สโมสรนิสิตหรือคณะกรรมการนิสิตทุกคณะในจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย และคณะกรรมการนิสิตหอพักจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไม่ยอมรับและขอประณามการกระทํา อันเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและเป็นการคุกคามทางเพศทุกรูปแบบ เนื่องด้วยเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ มีผู้ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง และเกิดความเสียหายต่อสภาพจิตใจและความปลอดภัยในชีวิตของผู้ที่ถูก พาดพิงในกลุ่มสนทนานั้น พฤติกรรมดังกล่าวยังถือเป็นการขัดต่อหลักการและบรรทัดฐานอันเป็นที่ยอมรับ ระดับสากลหลายประการ อันได้แก่ หลักความเสมอภาคทางเพศ บรรทัดฐานสิทธิมนุษยชน และการเคารพ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้อื่น
แนะนำ : รีวิวหนังไทย | คู่มือพ่อแม่มือใหม่ | แม่และเด็ก | เรื่องผี | แคคตัส กระบองเพชร